อุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป

 อุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป  อุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป เป็นอุตสาหกรรมขั้นปลายที่เน้นการใช้แรงงาน (Labor Intensive) ไม่จำเป็นต้องลงทุนสูงและใช้เทคโนโลยีการผลิตไม่ซับซ้อนมากนัก สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ได้ค่อนข้างสูง แต่การผลิตขึ้นอยู่กับการออกแบบ คุณภาพวัตถุดิบ และคุณภาพแรงงาน  ที่ผ่านมาประเทศไทยได้อาศัยความได้เปรียบด้านค่าจ้างแรงงาน โดยผลิตตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศและส่งออกในชื่อของสินค้าต่างประเทศ แต่ผลของค่าแรงที่สูงขึ้นทำให้ผู้ว่าจ้างในต่างประเทศย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีค่าแรงถูกกว่า เช่น จีนและเวียดนาม  ดังนั้น ไทยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งให้มีการพัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างสินค้าที่เป็นตราสินค้า (brand name) ของไทยเอง และการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้มีความรวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น เช่น การใช้ CAD (Computer Aided Design) และ CAM (Computer Aided Manufacturing) เพื่อช่วยในการเตรียมงานและลดการสูญเสียปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ ทำให้การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

             1) วงจรการผลิตเสื้อผ้า (Apparel production cycle) ในระบบอุตสาหกรรม คือ ขั้นตอนการทำงานอย่างต่อเนื่องของการผลิตเสื้อผ้า เป็นงานที่ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันของฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการผลิต วงจรการผลิตเสื้อผ้าในวงการอุตสาหกรรมใช้ระยะการทำงาน 3 - 6 เดือน ซึ่ง ศรีกาญจนา พลอาสา  (2545 :233) อธิบายพอสรุปได้ดังนี้

    ก) การประเมินผล (Evaluation) ใช้ระยะเวลาวิเคราะห์การทำงาน 2 - 4 สัปดาห์ การทำงานประกอบด้วย เช่น การวิเคราะห์การขายและแนวโน้ม สีและแบบตามฤดูกาล วิเคราะห์การตอบรับของลูกค้า ศึกษาการเปรียบเทียบคู่แข่ง วิจัยด้านตลาด ดูความเหมือนหรือคล้ายกันของแนวโน้มแฟชั่นที่ผ่านมา เป็นต้น จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น นักออกแบบและนักจัดการสินค้าเสื้อผ้า นำมาวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น รูปแบบ สี ผ้า เป็นต้น โดยเปรียบเทียบจากยอดขายที่ผ่านมา หรืออาจดูจากแนวโน้มของการพัฒนาแฟชั่นที่ผ่านมา เสื้อบางแบบอาจเป็นแบบที่ผ่ามาแล้วผ่านไปเลย (Fad) ในขณะที่เสื้อผ้าบางแบบกลายเป็นเสื้อผ้าคลาสสิค (Classics) เช่น เสื้อเชิ้ต เสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากผ้าเดนิม เป็นต้น ปัจจัยทั้งหลายที่นักออกแบบและนักจัดการสินค้าเสื้อผ้า ต้องนำมาศึกษา และทำงานร่วมกันวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจ ที่จะสร้างคอลเลคชั่นใหม่ต่อไป

ข. การออกแบบ (Design) ใช้ระยะเวลาทำงานในขั้นตอนนี้ 2 - 3 สัปดาห์ การทำงานประกอบด้วย เช่น การพัฒนารูปแบบคอลเลคชั่น การรับรองแบบเบื้องต้น การวิจัยผ้าและการพัฒนา การวิจัยสิ่งใหม่และมีการพัฒนา การออกแบบ 3 มิติ ด้วยคอมพิวเตอร์ การออกแบบงานปักและงานพิมพ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป การทำแบบตัดต้นแบบ และการเย็บเสื้อต้นแบบ เป็นต้น นักออกแบบและนักจัดการสินค้าเสื้อผ้า จะศึกษาข้อมูลทั้งหมดจากการประเมินผลนักออกแบบจะนำข้อมูลดังกล่าวไปออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ การออกแบบผลิตภัณฑ์ จะต้องมีการพัฒนา สีผ้า เส้นกรอบนอกของเสื้อผ้า เบอร์สี ที่จะใช้ย้อมวัสดุการประกอบเสื้อผ้า (Trimming) ปัจจุบันนักออกแบบได้ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบ (computeraided design:CAD) มาช่วยงานออกแบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คอมพิวเตอร์ CAD มีความสามารถในการวาดรูปหุ่น เปลี่ยน สี รูปแบบ ลวดลายผ้าได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียเวลาวาดรูปใหม่เหมือนในอดีต คอมพิวเตอร์ CAD สามารถออกแบบลายผ้า สแกนผ้าจากของจริงใส่เข้าไปในเครื่อง และนำมาออกแบบให้กับเสื้อผ้าในเครื่องได้เลย คอมพิวเตอร์ CAD สมารถออกแบบภาพ 3 มิติ ได้ ซึ่งทำให้นักออกแบบเห็นรูปทรง ขนาดของเสื้อผ้าก่อนนำไปตัดเย็บจริง ซึ่งช่วยลดต้นทุนและความเสียหายของเสื้อตัวอย่างต้นแบบได้ ในปัจจุบันเสื้อตัวอย่างต้นแบบ   (Prototypes) มีต้นทุนอยู่ประมาณ 10-300 เหรียญสหรัฐต่อแบบ นักออกแบบจะนำเสนอเรื่องแนวความคิด (Story boards) เกี่ยวกับเรื่องที่ตนเองสนใจ ที่ได้ข้อมูลมาจากการประเมินผล ซึ่งการนำเสนอผลงาน จะต้องได้รับการพิจารณาจาก นักจัดการสินค้าเสื้อผ้า ผู้ทำแบบตัด วิศวกรการผลิต ผู้จัดการฝ่ายผลิต ผู้จัดการควบคุมคุณภาพ ทุกคนจะต้องประชุมเพื่อแสดงความคิดเห็นร่วมกัน และแนวทางการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในกระบวนการผลิต เช่น เทคนิคด้านการผลิต ระยะเวลาการผลิต การใช้อุปกรณ์ช่วยเย็บ เป็นต้น วิศวกรการผลิตจะต้องช่วยคำนวณหาเวลามาตรฐานของเสื้อ (Standard Allowed minutes : SAMs ) ผู้จัดการฝ่ายผลิตจะช่วยด้านกำลังการผลิตและอื่นๆ

ค. ข้อมูลเบื้องต้น (Souring) ใช้ระยะเวลาการทำงาน 2 - 3 สัปดาห์ เป็นช่วงเวลาที่ประกอบด้วยการพยากรณ์ต้นทุน ต้นทุนการผลิต รายละเอียดของผ้า รายละเอียดของขนาดตัว กำลังการผลิต สถานที่การวางจำหน่าย เริ่มต้นการเจรจาลดต้นทุน การยอมรับสีจากห้องทดสอบ งานพิมพ์ต้นแบบ การปัก และการพิมพ์ เป็นต้น ในขั้นตอนนี้จะเป็นการประมาณการในเรื่องต้นทุน ทั้งในด้านผ้า วัสดุประกอบเสื้อผ้า การผลิต ตัด และเย็บ ตลอดจนราคา ซึ่งในการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปนั้น มีต้นทุนในการผลิตดังนี้ คือ ผ้าร้อยละ 60 ค่าโสหุ้ยร้อยละ 15 ค่าแรงงานร้อยละ 20 และค่าประกอบเสื้อผ้าร้อยละ 5 จากต้นทุนการผลิตดังกล่าวข้างต้น หากจะลดต้นทุนต้องลดที่ค่าผ้าโดยเฉพาะในขั้นตอนการวางแบบตัด (Marker Making) ซึ่งต้องควบคุมการใช้วัสดุอย่างมีประสิทธิภาพ (Material Utilization : MU) จะเป็นตัวเลขที่บอกปริมาณการใช้วัสดุของการตัดผ้าแต่ละโต๊ะ นอกจากนี้จะต้องประมาณความสมดุลของต้นทุนกับคุณภาพด้วย เช่น แบบ วัสดุ การผลิต และการบรรจุหีบห่อ ทั้งหมดจะต้องมีความสมดุลกันเพื่อจะได้เป็นตัวกำหนดราคาขายต่อไป ต้นทุนการผลิตจะมีความสัมพันธ์กับราคาของสินค้า โดยทั่วไปต้นทุนรวมของการผลิตจะบวกเพิ่ม 30 50 %จะเป็นราคาขายส่ง (Wholesale)

ง.  ก่อนการผลิต (Preproduction) ใช้ระยะเวลาการทำงาน 2 6 สัปดาห์ เป็นช่วงเวลาการทำงาน เช่น  การทดสอบและการรับรองผ้า การทดสอบและการรับรองวัสดุประกอบเสื้อ รายละเอียดของเสื้อผ้า การรับรองสีและความต่างสีของผ้า การรับรองป้ายดูแลรักษา และแบ่งระดับของกลุ่มลูกค้า การทำแบบตัดอุสาหกรรม การขยายแบบ การตัดสินใจครั้งสุดท้ายและลงนามตกลงการสั่งซื้อ การวางแบบตัด การรับรองป้ายอื่นๆ และสรุปแบบคอลเลคชั่น เป็นต้น ผ้าที่จะนำมาผลิตจะต้องผ่านการตรวจสอบตามที่นักออกแบบกำหนดไว้ ซึ่งได้แก่ จำนวนเส้นด้ายพุ่งเส้นด้ายยืนต่อตารางนิ้ว (ผ้าทอ) น้ำหนักกรัมต่อตารางเมตร (ผ้าถัก) การทดสอบการรับรองการตกแต่งผลิตภัณฑ์ ได้แก่ การย้อม สี รายละเอียดของเสื้อผ้า ได้แก่การกำหนดชนิดของตะเข็บ ฝีเข็ม ขนาดของตะเข็บ ตำแหน่งการติดป้าย กระเป๋า การทดสอบและการรับรองวัสดุประกอบเสื้อผ้า ได้แก่ กระดุม ซิป การปักผ้า งานพิมพ์ แผ่นหนุนไหล่ การรับรองป้ายดูแลรักษา ได้แก่ การกำหนดวัสดุที่ทำป้าย  เช่น ตัวอักษรเป็นงานพิมพ์ หรืองานทอ เป็นต้น การทำแบบตัดอุสาหกรรม (Production pattern) ต้องเป็นแบบตัดที่เหมาะกับการผลิตจำนวนมาก การทำแบบตัดอุสาหกรรมและการขยายแบบตัดสามารถทำจากคอมพิวเตอร์  (PDS / CAD system) ทำได้สะดวกและรวดเร็ว

            จ.  การผลิต ( Production )  ใช้ระยะเวลาการทำงาน 1 2 สัปดาห์ เป็นช่วงเวลาการทำงาน เช่น การผลิตผ้าและการนำผ้ามาถึงโรงงานผลิต การตรวจและทดสอบผ้าผืน การปูผ้า การตัดผ้า การรับช่วงการผลิต เสื้อตัวอย่าง การเย็บ กระบวนการตกแต่งสำเร็จรูป การรีด การบรรจุหีบห่อ และการตรวจเสื้อผ้าสำเร็จรูป เมื่อผ้าผืนมาถึงโรงงานผลิตจะต้องมีการทดสอบความถูกต้องของผ้าที่ส่งมอบ จากนั้นจะตรวจผ้าผืน นำไปตัด เย็บ มีงานแบ่งให้กับผู้รับช่วงการผลิต ( Sub contract ) เช่น งานปัก งานพิมพ์ เป็นต้น เสื้อตัวอย่างที่ผ่านการอนุมัติแล้ว เป็นเสื้อที่โรงงานจะต้องผลิตให้เหมือนเสื้อตัวอย่าง การตกแต่งผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเช่น การฟอกขาว (Bleaching) การฟอกลายหินขัดและลายทราย                                ( Stonewashing and sandwashing ) การฟอกด้วยกรด ( Frosting or acidwashiong ) ซึ่งทำให้ผ้าขาว ผ้าอ่อนนุ่ม และผ้าไม่ยับ (Preshrinks )  การตกแต่งทนยับ (Wrinkle – free) การตกแต่งให้ทนการรีด           (Durable Press) เป็นต้น การตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เช่น จำนวนฝีเข็ม ฝีเข็มกระโดด สีต่างกัน เป็นต้น

ฉ. การจัดจำหน่าย (Distribution) หากเป็นสินค้าที่ผลิตภายในประเทศจะใช้เวลาขาย 1 3 สัปดาห์ และ 3 5 สัปดาห์ สำหรับสินค้าที่นำเข้า  ประกอบด้วยช่วงการทำงานด้านขั้นตอนการขนส่ง พิธีการ  ศุลกากร การเสียภาษีธรรมเนียมการนำเข้า การตรวจสินค้าและรับรอง การจัดสินค้าไปยังร้านขายของปลีก จะมีศูนย์กลางการจัดจำหน่าย ( Distribution center : DC ) ในการจัดจำหน่ายนั้นจะต้องมีคลังสินค้า (Stock) ในการจัดเก็บ เพื่อให้การขายได้สะดวกและคล่องตัว  จึงมีการจัดระบบคลังสินค้าการจำหน่ายอกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทคลังสินค้าด้านหน้า (Forward stock) เป็นคลังใช้เก็บงานขายหน้าร้าน เพื่อให้เกิดความสะดวกในการขาย อีกประเภทหนึ่ง คือ คลังสินค้าสำรอง (Reserve stock) เป็นคลังสินค้าที่อยู่โรงงานผลิต พร้อมจะส่งมอบให้กับร้านค้าที่มีคำสั่งซื้อเข้ามา ในปัจจุบันร้านค้าส่วนมากก็จะใช้ระบบขายออกไปแล้วจึงนำสินค้าใหม่เข้าแทนที่ ซึ่งเรียกระบบนี้ว่า (First in – first out : FIFO) ทำให้ร้านค้าใหม่จำเป็นต้องมีสินค้าเหลืออยู่ในคลังสินค้ามากเกินความจำเป็น

ช. การส่งเสริมและการขาย (Promotion and sales) ใช้ระยะเวลา 3 6 สัปดาห์ เป็นช่วงระยะเวลา การตกแต่งหน้าร้านขายปลีก การโฆษณาเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผู้บริโภครู้จักผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่นำเข้าสู่ตลาดสินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่แนะนำเข้าสู่ตลาด จะได้รับการต้อนรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี เป็นช่วงเวลาของการเพิ่มยอดขาย จากการประชาสัมพันธ์ด้วยสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์  วิทยุ การถ่ายแบบเสื้อผ้าลงในนิตยสาร การเดินแบบ การส่งแบบเสื้อต่างๆ ไปตามบ้าน อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการส่งเสริมการขายดังกล่าวมาแล้วร้านค้าส่วนมากจะมีศูนย์กลางการเก็บข้อมูล (Point of sale :PDS) ซึ่งมีหน้าที่ซักถามความต้องการของผู้บริโภค คุณภาพของสินค้า ปัญหาที่ต้องการให้ผู้ผลิตแก้ไข ข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งไปให้ นักออกแบบและนักจัดการสินค้าเสื้อผ้า หรือผู้ที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลเหล่านั้นไปปรับปรุง พัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่จะออกสู่ท้องตลาดในอนาคตต่อไป

แผนงานพิเศษ เรื่อง 

การเพิ่มมูลค่าช่องว่างแบบตัดและการพัฒนารูปแบบผ้าคลุมเบาะรถยนต์ บริษัท เน็กส์ โปรดักส์ จำกัด

นางสาวประนอม  ลมมูลตรี นางสาววราภรณ์  สุขรักษา

 

Comments

Popular Posts